พุทธวจน_หลักเศรษฐกิจตามคำสอนพระศาสดา *วิธีแก้ทุกข์ *วิธีภาวนาง่ายๆ


21 comments:

  1. ทรัพย์ที่หามาได้ ควรแบ่งเป็น 4 ส่วนในการใช้จ่าย
    1.เลี้ยงดูตนเอง มารดา บิดา บุตร ภรรยา บริวาร
    2.ทำตนให้ปลอดภัยจากอันตราย
    3.สงเคราะห์ แบ่งปัน ให้ญาติ มิตร สังคม
    4.ทำบุญให้สมณะ ผู้ทรงศีล

    ReplyDelete
  2. หลักเศรษฐกิจ
    อย่าให้รายจ่ายท่วมรายรับ
    โดยรู้ทัน ผัสสะ ที่เกิดขึ้น และ ไม่ยึดในสุขเวทนา เกินฐานะ
    ให้สักแต่ว่ารู้ เข้าใจองค์ประกอบของผัสสะ
    ร่างกาย อยู่ได้ เพราะอาหาร และ วิญญาณ

    ReplyDelete
  3. ยกตัวอย่างเรื่องมี หรือ ไม่มี
    ถ้าถามว่ากระดาษนี้ มีอยู่หรือไม่
    ถ้าตอบว่ามี (สุดโต่งความเห็นว่ามีเที่ยงแท้ถาวร) แล้ว จะจริงในขณะที่ถามนั้น แต่ไม่จริงในอนาคดอีกแสนปี
    ถ้าตอบว่าไม่มี (สุดโต่งความเห็นว่าไม่มีเลย ขาดศูนย์) แล้ว จะไม่จริงในขณะนั้น แต่จะจริงในอนาคต
    ความเห็นที่ถูกต้องเป็นกลางคือกระดาษนั้นเป็นอนัตตา คือ เกิดขึ้น(มี) ตั้งอยู่ชั่วคราว แล้วก็ดับไป (ไม่มี) ในที่สุด

    ReplyDelete
    Replies
    1. ทุกสรรพสิ่งในโลก มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป
      ทั้งรูปธรรม และนามธรรม ทั่วโลกธาตุเป็นเหมือนกันหมด

      Delete
  4. สภาพธรรม
    เกิดปรากฏ
    เสื่อมปรากฏ
    ดับสลาย

    ReplyDelete
  5. งานศพ เพื่อน เพื่อนถาม
    ก่อนตายควรรู้เรื่องอะไร
    เรื่องอะไรควรรู้มากที่สุดในชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์

    ReplyDelete
    Replies
    1. อริยสัจ 4
      ปฏิจจสมุปบาท

      Delete
  6. หลักการดำรงชีพเพื่อประโยชน์สุขในปัจจุบัน
    1.อุฏฐานสัมปทา (ความขยันในอาชีพ)
    2.อารักขสัมปทา (การรักษาทรัพย์)
    3.กัลยาณมิตตตา (ความมีมิตรดีฉ
    4.สมชีวิตา (การเลี้ยงชีวิตอย่างสมดุลย์เพียงแก่ฐานะ)

    ReplyDelete
  7. ฆราวาสชั้นเลิศ
    1.แสวงหาโภคทรัพย์โดยธรรม โดยไม่เคร่งครัด
    2.ทำตนให้เป็นสุข ให้อิ่มหนำ
    3.แบ่งปันโภคทรัพย์ บำเพ็ญบุญ
    4.ไม่กำหนัดไม่มัวเมา ไม่ลุ่มหลง มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาเป็นเครื่องสลัดออก

    ReplyDelete
  8. การปล่อยวางเวทนาได้ มีประโยชน์อะไร
    - จะไม่เผลอเพลินไปกับความสุขทางโลก โดยไม่ใคร่ครวญเหตุผล

    ReplyDelete
  9. วิธีแก้ทุกข์ง่าย ๆ
    - ละนันทิ (ละความเพลิน) ตั้งจิตอยู่กับ ลมหายใจเข้าออก

    ReplyDelete
  10. ช่วงเวลาที่ตั้งจิตอยู่กับลมหายใจเข้าออก นานแค่ไหน
    - จากพุทธวจน
    ภิกขุ ทั้งหลาย ถ้าภิกขุเจริญอานาปานสติ แม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือ
    ภิกขุนี้เรากล่าวว่า อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน ทำตามคำสอนของพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาท
    ไม่ฉันบิณฑบาตของชาวแว่นแคว้นเปล่า
    ก็จะป่วยกล่าวไปไยถึงผู้กระทำให้มาก ซึ่งอานาปานสตินั้นเล่า

    ReplyDelete
  11. ทำสมาธิวันละ กี่ เวลา
    - เปรียบเหมือนชาวร้านตลาดจัดแจงการงานอย่างดีที่สุด ในเวลาเช้า ในเวลากลางวัน ในเวลาเย็น

    ReplyDelete
  12. อย่าลืมลม
    -เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้ายาว
    -เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า หายใจออกยาว
    -เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น
    -เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจออกสั้น

    ReplyDelete
  13. จะเดิน จะยืน จะนั่ง จะนอน
    ตราบใดที่ รู้ลมหายใจอยู่
    ชื่อว่า ภาวนา อยู่

    ReplyDelete
  14. เพียรละความเพลินในทุกๆ อิริยาบถ
    ภิกชุทั้งหลาย !
    เมื่อภิกชุกำลังเดินอยู่... เมื่อภิกชุกำลังยืนอยู่... เมื่อภิกชุกำลังนั่งอยู่... เมื่อภิกชุกำลังนอนอยู่...
    ถ้าเกิดครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในกาม (กามวิตก)
    หรือ ครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในทางเดือดแค้น (พยาบาทวิตก)
    หรือ ครุ่นคิดด้วยความครุ่นคิดในทางทำผู้อื่นให้ลำบากเปล่าๆ (วิหิงสาวิตก) ขึ้นมา
    และภิกชุก็ ไม่รับเอาความครุ่นคิดนั้นไว้
    สละทิ้งไป ถ่ายถอนออก ทำให้สิ้นสุดลงไปจนไม่มีเหลือ
    ภิกชุที่เป็นเช่นนี้ แม้กำลังเดินอยู่ ก็เรียกว่า
    เป็นผู้ทำความเพียรเผากิเลส รู้สึกกลัวต่อสิ่งลามก
    เป็นคนปรารภความเพียร อุทิศตนในการเผากิเลส อยู่เนืองนิจ

    ReplyDelete
  15. เวลาให้ทาน วางจิตอย่างไร
    - ละความตระหนี่ อันเป็นมลทิน

    ReplyDelete
    Replies
    1. มีจาคะ อันปล่อยแล้ว
      มีฝ่ามือ อันชุุ่ม
      เป็นผู้ควรแก่การขอ
      ยินดีในการเสียสละ

      Delete
  16. อนาคามี ผู้ไม่ต้องกลับมาในกามภพ

    ReplyDelete
    Replies
    1. เหลือแต่ รูปภพ กับ อรูปภพ

      Delete
  17. ถ้าทำทาน แต่ทุศีล แล้ว มีเดรัจฉานคติเป็นที่ไป แต่จะได้ทรัพย์ของเดรัจฉาน เช่น สุนัขบ้านคนรวย ที่อยู่ที่กินอย่างดี

    ReplyDelete