เบื้องต้นกับ LTF

หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 91 หรือ 90 เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอยู่ทุกปี ท่านเป็นผู้โชคดีที่มีโอกาสได้รับสิทธิการหักลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้น สูงสุดถึง 500,000 บาท เพียงท่านลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ Long Term Equity Fund (LTF)


ท่านที่จะลงทุนใน "กองทุนรวมหุ้นระยะยาว" โปรดทราบ...

“กองทุนรวมหุ้นระยะยาว” ชื่อของกองทุนบอกอย่างชัดเจนว่า กองทุนนี้จะเน้นนำเงินไปลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้ลงทุนในกองทุน LTF จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีมากกว่าการลงทุนในกองทุนรวมทั่วไป โดยเงินลงทุนใน LTF สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทำให้ผู้ลงทุนเสียภาษีน้อยลง

สิทธิประโยชน์ที่ผู้ลงทุนจะได้รับ
ผู้ลงทุนสามารถนำเงินค่าซื้อหน่วยลงทุน LTF ไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้ตามจำนวนเงินที่ลงทุนจริง สูงสุดถึง 15% ของรายได้ และไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี

ขอเน้นย้ำเรื่อง จำนวนเงินลงทุนใน LTF ที่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 500,000 บาทนั้น เป็นอีก 500,000 บาท ที่เพิ่มขึ้นจากวงเงินหักลดหย่อน 500,000 บาท ของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ กบข.

ลงทุนปีใด นำมาหักลดหย่อนภาษีได้ในปีที่ลงทุนเท่านั้น
ไม่มีภาระผูกพันให้ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี
มีความคล่องตัว สามารถโอนย้ายการลงทุนไปยังกองทุน LTF อื่นได้
กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนไม่ต้องนำมารวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษี เมื่อลงทุนครบ 5 ปีปฏิทิน

เงื่อนไขการลงทุน

เงินแต่ละยอดที่ลงทุนใน LTF ต้องไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน จึงจะขายคืนหน่วยลงทุนได้โดยได้รับสิทธิประโยชน์ในเบื้องต้น

กรณีที่ขายคืนก่อนครบ 5 ปีปฏิทิน จะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับ พร้อมเงินเพิ่มตามที่กฎหมายกำหนด และเสียภาษีเงินได้ที่ได้รับจากกำไรส่วนเกินทุน ยกเว้น กรณีผู้ลงทุนทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต

ผู้ลงทุนใน LTF ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2559 เท่านั้น ที่จะได้รับสิทธิหักลดหย่อนทางภาษีนี้

ผู้ลงทุนไม่สามารถนำหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาวไปโอน จำนำ หรือนำไปเป็นประกันได้

กองทุน LTF เป็นกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2547 จากการที่ภาครัฐสนับสนุนให้จัดตั้งขึ้นเพื่อเพิ่มสัดส่วนผู้ลงทุนสถาบันที่จะลงทุนระยะยาวในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้ลงทุนในกองทุน LTF จะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเงินลงทุนในกองทุน LTF สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ แต่จะลดหย่อนได้มากน้อยแค่ไหน ลองไปดูเรื่องควรรู้ก่อนลงทุนในกองทุน LTF ว่ามีอะไรบ้าง

1. เงื่อนไขลงทุน เมื่อซื้อกองทุนรวม LTF แล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อทุกปี ผู้ลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ในปีที่ลงทุน สำหรับเงื่อนไขการลงทุน ไม่จำกัดเงินลงทุนขั้นต่ำ แต่สามารถลงทุนได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท โดยไม่ต้องรวมคำนวณวงเงินลงทุนกับกองทุน RMF และกองทุนอื่นๆ ส่วนการนับ 5 ปีจะนับตั้งแต่ปีที่ซื้อไป 5 ปีปฏิทิน เช่น ลงทุนปี 2554 จะครบกำหนด 5 ปีปฏิทินคือปี 2558 ซึ่งต่างจากกองทุน RMF ที่นับวันชนวัน

LTF (≤ 15% ของเงินได้) ≤ 500,000 บาท

2. รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 2 ส่วน ส่วนแรกคือเงินลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน LTF สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่ลงทุนจริง ส่วนที่สองคือเมื่อลงทุนครบเงื่อนไข 5 ปีปฏิทินแล้ว หากขายหน่วยลงทุนมีกำไร กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ อย่างไรก็ตาม หากลงทุนในหน่วยลงทุน LTF เกินจำนวนเงินที่มีสิทธิลงทุนได้ เมื่อขายคืนแล้วมีกำไร กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (นับเฉพาะส่วนเงินลงทุนที่เกินสิทธิ) จะต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ด้วย

3. กองทุนรวม LTF มีนโยบายเดียว คือลงทุนในหุ้น ดังนั้น ผู้ลงทุนต้องรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางค่อนข้างสูง ซึ่งทางบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนพยายามบริหารความเสี่ยงและจัดพอร์ตการลงทุนให้มีความหลากหลาย เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

วัยเริ่มทำงาน เหมาะกับกองทุนรวม LTF ที่มีนโยบายลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อเน้นสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน เช่น กองทุน LTF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นแบบกระจุกตัว หรือลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง กองทุนประเภทนี้จะให้ผลตอบแทนที่คาดหวังสูง แต่ก็มีโอกาสขาดทุนสูง

วัยกลางคน รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงปานกลางค่อนข้างสูง อาจเลือกกองทุน LTF ที่ลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง หรือเลือกลงทุนในกองทุน LTF ที่จำกัดการลงทุนในหุ้นไม่เกินร้อยละ 70 ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้

วัยก่อนเกษียณ เหมาะกับกองทุนรวม LTF ที่มีการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อลดความเสี่ยงจากหุ้น เหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนหรือความเสี่ยงได้ไม่มากนัก

4. กองทุน LTF มีทั้งนโยบายจ่ายเงินปันผลและไม่จ่ายเงินปันผล ทั้งนี้ ข้อควรระวังก็คือ เงินปันผลที่ได้รับจะต้องเสียภาษี ดังนั้น แนะนำให้ผู้ลงทุนที่มีฐานอัตราภาษีสูงเกินร้อยละ 10 เลือกหักภาษี ณ ที่จ่าย เพื่อไม่ต้องนำเงินปันผลมารวมคำนวณเป็นเงินได้ เพราะอาจทำให้เสียภาษีมากขึ้น

5. ผู้ลงทุนสามารถสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ที่ถือครองอยู่ได้ เนื่องจากการลงทุนในกองทุน LTF เป็นการลงทุนระยะยาว แต่โดยที่กองทุน LTF มีนโยบายลงทุนในหุ้น ซึ่งมีความผันผวนสูง ดังนั้น ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัว ผู้ลงทุนก็สามารถบริหารพอร์ตลงทุนของตนเองได้ผ่านการสับเปลี่ยนไปยังกองทุน LTF ที่มีนโยบายการลงทุนที่แตกต่าง ยกตัวอย่างเช่น หากตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลง ผู้ลงทุนสามารถสับเปลี่ยนกองทุนมายังกองทุน LTF ที่มีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อลดความเสี่ยงของหุ้นได้ และเมื่อตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่ช่วงขาขึ้นก็สามารถสับเปลี่ยนกลับไปยังกองทุน LTF เดิมได้ด้วยเช่นกัน



No comments:

Post a Comment